รหัสวิชา ง 22101 ชื่อวิชา การงานอาชีพและเทคโนโลยี 34
ช่วงชั้นที่ 3 ชั้นปีที่ 2
ครูผู้สอน ดรุณี กันธมาลา
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเธรรมชาติและกระบวนการของเทคโนโลยี ใช้ความรู้ ภูมิปัญญา จินตนาการและความคิดอย่างมีระบบในการออกแบบ สร้างสิ่งของเครื่องใช้ วิธีการเชิงกลยุทธ์ ตามกระบวนการเทคโนโลยี สามารถตัดสินใจ เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อม โลกของงานและอาชีพ
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. เข้าใจความหมายของการออกแบบทางเทคโนโลยี
2. เข้าใจลักษณะผลผลิตของการออกแบบทางเทคโนโลยี
3. อธิบายหลักการวาดภาพเพื่อการสื่อสาร
4. อธิบายการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ 5W1H
5. อธิบายหลักการออกแบบและเทคโนโลยี
6. ชื่นชมผลงานการทำงานของผู้อื่นและตนเอง
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของการออกแบบทางเทคโนโลยีได้
2. อธิบายลักษณะผลผลิตของการออกแบบทางเทคโนโลยีได้
3. อธิบายหลักการวาดภาพเพื่อการสื่อสารได้
4. อธิบายการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ 5W1H ได้
5. อธิบายหลักการออกแบบและเทคโนโลยีได้
6. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกแบบในชีวิตประจำวันได้
7. สามารถวาดภาพตามหลักการวาดภาพเพื่อการสื่อสารได้
8. สามารถเขียนผังมโนทัศน์เกี่ยวกับความหมาย ลักษณะผลผลิตของการออกแบบทางเทคโนโลยี
หลักการวาดภาพเพื่อการสื่อสาร หลักการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ 5W1H หลักการออกแบบและ
เทคโนโลยีได้
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
กระบวนการออกแบบและการใช้เทคโนโลยี เป็นขั้นตอนที่จะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงาน มีความเหมาะสมกับการแก้ปัญหาในการออกแบบและการนำเทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์มาใช้ กระบวนการออกแบบอย่างเป็นระบบ
อธิบายการทำงาน
ทรัพยากร (Resource)
คน
สารสนเทศ
วัสดุ
เครื่องมือเครื่องจักร
พลังงาน
ทุน
เวลา
|
ปัจจัย (Constraint)
ข้อจำกัดต่าง ๆ หรือสิ่งที่ต้องคำนึงถึง
-
|
+
|
ขัดขวาง
|
เอื้อ
|
เช่น
1. เวลาที่จำกัด
2.เครื่องจักรที่ขาดประสิทธิภาพ
|
เช่น
1. มีเงินทุนจำนวนมากเพียงพอ
2. มีบุคคลากรที่มีความสามารถ
|
|
กระบวนการทางเทคโนโลยี ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน
|
|
|
ขั้นที่ 1. คือ กำหนดปัญหาและความต้องการ
|
|
|
ขั้นที่ 2. คือ รวบรวมข้อมูล แสวงหาวิธีการแก้ปัญหา
|
|
|
ขั้นที่ 3. คือ เลือกวิธีแก้ปัญหา
|
|
|
ขั้นที่ 4. คือ ออกแบบและปฏิบัติการ
|
|
|
ขั้นที่ 5. คือ ทดสอบ
|
|
|
ขั้นที่ 6. คือ ปรับปรุงแก้ไข
|
|
|
ขั้นที่ 7. คือ ประเมินผล
|
ระบบเทคโนโลยี (Technology System) นอกจากจะประกอบด้วย 3 กระบวนการแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการได้แก่ 1. ปัจจัยที่ส่วนส่งเสริม เพื่อให้ได้ผลที่ดีและมีคุณภาพ 2. ปัจจัยขวาง เป็นปัจจัยที่ทำให้ได้ผลลัพท์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
หลักวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ 5W1H
การวิเคราะห์ปัญหา โดยการใช้เทคนิค 5W1H ในการคิดวิเคราะห์แบบแก้ปัญหา จะใช้ในขั้นตอนของการวิเคราะห์ข้อมูล และทดสอบสมมติฐาน มีรายละเอียด ดังนี้
ปัญหาคืออะไร หรือ อะไรคือปัญหา
Who ใคร (ในเรื่องนั้นมีใครบ้าง)
What ทำอะไร (แต่ละคนทำอะไรบ้าง)
Where ที่ไหน (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นอยู่ที่ไหน)
When เมื่อไหร่ (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นทำเมื่อวัน เดือน ปี ใด)
Why ทำไม (เหตุใดจึงได้ทำสิ่งนั้น หรือเกิดเหตุการณ์นั้นๆ)
How อย่างไร (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นทำเป็นอย่างไรบ้าง)
แล้วรวมรวมข้อมูลทั้งหมดมาจัดระบบหรือเรียบเรียงให้ง่ายแก่การทำความเข้าใจซึ่งเป็นการค้นหาความจริงหรือความสำคัญ
การออกแบบ หมายถึง การถ่ายทอดรูปแบบจากความคิดออกมาเป็นผลงาน ที่ผู้อื่น สามารถมองเห็น รับรู้ หรือสัมผัสได้ เพื่อให้มีความเข้าใจในผลงานร่วมกัน
ประเภทของการออกแบบ
1. การออกแบบทางสถาปัตยกรรม (Architecture Design)

เป็นการออกแบบเพื่อ การก่อสร้าง สิ่งก่อสร้างต่างๆ นักออกแบบสาขานี้เรียกว่า สถาปนิก
(Architect) ซึ่งโดยทั่วไปจะต้องทำงานร่วมกับวิศวกรและมัณฑนากร โดยสถาปนิกรับผิดชอบเกี่ยวกับประโยชน์ใช้สอยและความงามของสิ่งก่อสร้าง
งานทางสถาปัตยกรรมได้แก่
- สถาปัตยกรรมทั่วไป เป็นการออกแบบสิ่งก่อสร้างทั่วไป เช่น อาคาร บ้านเรือน ร้านค้า โบสถ์ วิหาร ฯลฯ
- สถาปัตยกรรมโครงสร้าง เป็นการออกแบบเฉพาะโครงสร้างหลักของอาคาร
- สถาปัตยกรรมภายใน เป็นการออกแบบที่ต่อเนื่องจากงานโครงสร้าง ที่เป็นส่วนประกอบของอาคาร
- งานออกแบบภูมิทัศน์ เป็นการออกแบบที่มีบริเวณกว้างขวาง เป็นการจัดบริเวณพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงาม
- งานออกแบบผังเมือง เป็นการออกแบบที่มีขนาดใหญ่ และมีองค์ประกอบซับซ้อน
ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารจำนวนมาก ระบบภูมิทัศน์ ระบบสาธารณูปโภค ฯลฯ
2. การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design)


เป็นการออกแบบเพื่อการผลิต ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ งานออกแบบสาขานี้ มีขอบเขตกว้างขวางมากที่สุดและแบ่งออกได้มากมายหลายๆลักษณะ นักออกแบบรับผิดชอบเกี่ยวกับประโยชน์ใช้สอยและความสวยงามของผลิตภัณฑ์
งานออกแบบประเภทนี้ ได้แก่
- งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์
- งานออกแบบครุภัณฑ์
- งานออกแบบเครื่องสุขภัณฑ์
- งานออกแบบเครื่องใช้สอยต่างๆ
- งานออกแบบเครื่องประดับ อัญมณี
- งานออกแบบเครื่องแต่งกาย
- งานออกแบบภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์
- งานออกแบบผลิตเครื่องมือต่างๆ ฯลฯ
3. การออกแบบทางวิศวกรรม (Engineering Design)

เป็นการออกแบบเพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ เช่นเดียวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกัน ต้องใช้ความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีในการผลิตสูง ผู้ออกแบบคือ วิศวกร ซึ่งจะรับผิดชอบในเรื่องของประโยชน์ใช้สอย ความปลอดภัยและกรรมวิธีในการผลิต บางอย่างต้องทำงาน ร่วมกันกับนักออกแบบสาขาต่างๆด้วย
งานออกแบบประเภทนี้ ได้แก่
- งานออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้า
- งานออกแบบเครื่องยนต์
- งานออกแบบเครื่องจักรกล
- งานออกแบบเครื่องมือสื่อสาร
- งานออกแบบอุปกณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ ฯลฯ
4. การออกแบบตกแต่ง (Decorative Design)

เป็นการออกแบบเพื่อการตกแต่งสิ่งต่างๆให้สวยงามและเหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยมากขึ้นนักออกแบบเรียนว่ามัณฑนากร (Decorator) ซึ่งมักทำงานร่วมกับสถาปนิก
งานออกแบบประเภทนี้ได้แก่
- งานตกแต่งภายใน (Interior Design)
- งานตกแต่งภายนอก (Exterior Design)
- งานจัดสวนและบริเวณ (Landscape Design)
- งานตกแต่งมุมแสดงสินค้า (Display)
- การจัดนิทรรศการ (Exhibition)
- การจัดบอร์ด
- การตกแต่งบนผิวหน้าของสิ่งต่างๆ เป็นต้น ฯลฯ
5. การออกแบบสิ่งพิมพ์ (Graphic Design)

เป็นการออกแบบเพื่อทางผลิตงานสิ่งพิมพ์ ชนิดต่าง ๆ ได้แก่ หนังสือ หนังสือพิมพ์ โปสเตอร์ นามบัตร บัตรต่างๆ งานพิมพ์ลวดลายผ้า งานพิมพ์ภาพลงบนสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ งานออกแบบรูปสัญลักษณ์ เครื่องหมายการค้า ฯลฯ
เทคนิคการคิดวิเคราะห์
การคิดวิเคราะห์ เป็นการคิดโดย ใช้สมองซีกซ้าย เป็นหลัก เป็นการคิดเชิงลึก คิดอย่างละเอียด จากเหตุไปสู่ผล ตลอดจนการเชื่อมโยงความสำพันธ์ในเชิงเหตุและผล
ประโยชน์ของการคิดวิเคราะห์
1. ช่วยให้เรารู้ข้อเท็จจริง รู้เหตุผลเบื้องหลังของสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจความเป็นมาเป็นไปของ
เหตุการณ์ต่าง ๆ
2. เป็นฐานความรู้ในการนำไปใช้ในการตัดสินใจแก้ปัญหา
3. ช่วยให้เราหาเหตุผลที่สมเหตุสมผลให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
4. ช่วยประมาณความน่าจะเป็น
Credit : http://ternoona.myreadyweb.com/